วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

10อันดับเมืองสวยที่สุดในโลก

อันดับ 10: Sydney, Australia
Sydney-Harbour-Bridge
เริ่มกันที่อันดับ 10 คือเมือง Sydney ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรเลีย เป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นเลิศ เพราะเป็นแหล่งศูนย์รวมของเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีชายหาดที่งดงาม และสถาปัตยกรรมระดับโลกมากมาย ดังเช่นสะพาน Sydney Harbour Bridge ในภาพนี้ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็น Sydney Opera House ด้วยนะค่ะ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านของผลงานศิลปะ วัฒนธรรม และแหล่งความบันเทิงอีกด้วย

อันดับ 9: Bern, Switzerland
Bern
ถึงแม้ Bern จะเป็นเพียงเมืองเล็กๆแต่ก็เป็นเมืองที่สวยงามที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน ตัวเมืองถูกโอบล้อมด้วยภูเขาและมีบรรยากาศที่เย็นสบายและเงียบสงบ ที่น่าสนใจคือนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ Albert Einstein เกิดที่เมือง Bern แห่งนี้ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆก็มีเขตชานเมืองเก่า บ้านของไอน์สไตน์ และพิพิธภัณฑ์
อันดับ 8: Rio De Janeiro, Brazil
Rio-de-Janeiro
เค้าว่ากันว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างเมือง Rio De Janeiro แห่งนี้ขึ้น บรรยากาศที่ล้อมรอบเมืองเป็นที่น่าตื่นตา ในเมืองจะมีรูปปั้นของพระเยซูคริสต์ที่สูง 38 เมตร และมีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน ถูกสร้างขึ้นมาโดยนักแกะสลักชาวฝรั่งเศส ตัวรูปปั้นมีมูลค่าสูงถึง $250,000 เลยทีเดียว (ประมาณ 7 ล้านบาท)
อันดับ 7: Munich, Germany
Munich
Munich เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเยอรมัน ถูกค้นพบใน ค.ศ.1158 ทำให้ขึ้นชื่อในด้านของศิลปะและวัฒนธรรม Munich คือหนึ่งในสถานที่ที่มีสถาปัตยกรรมสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย นอกจากนี้ก็มีสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และโรงละคร มีทีมฟุตบอลยอดนิยมของลีกเยอรมันอยู่ในเมืองนี้ด้วยนะ
อันดับ 6: Lisbon, Portugal
Lisbon
มาถึงอันดับ 6 คือ Lisbon ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส ตัวเมืองตั้งอยู่บนแนวภูเขาซึ่งทำให้มีจุดชมวิวสวยๆมากมาย Lisbon ยังมี Vasco da Gama Bridge ซึ่งเป็นสะพานที่ยาวที่สุดในทวีปยุโรป ด้วยความยาวกว่า 17.2 กิโลเมตร
อันดับ 5: Auckland, New Zealand
Auckland
Auckland ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด และมีจำนวนประชากรมากที่สุดของนิวซีแลนด์ นักผจญภัยจะชอบเมืองนี้มากค่ะ เพราะมีกิจกรรมวิบากหลุดโลกสนุกๆให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโต้คลื่น พายเรือ ขับรถ ATV นอกจากนี้ก็มีสถานที่น่าสนใจเช่น Sky Tower ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวกระโดดตึกกันด้วย แล้วยังมี Eden Park ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดของนิวซีแลนด์ มีไว้แข่งรักบี้ในฤดูหนาว และคริกเกตในฤดูร้อน
อันดับ 4: Vancouver, Canada
Vancouver
Vancouver ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอาศัยอยู่ที่สุดในโลก อยู่ในประเทศแคนาดา โดดเด่นด้วยสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กับหาดทรายและภูเขา นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงใน Stanley Park ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่นักท่องเที่ยวสามารถพักผ่อนกับแหล่งธรรมชาติ สวนแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 8 ล้านคนทุกปี
อันดับ 3: Florence, Italy
View of Florence, Italy
Florence ได้รับการแต่งตั้งจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดในโลกด้วยสิ่งก่อสร้างที่มีคุณค่าทางศิลปะ เมือง Florence สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ในยุคเรเนอซองค์ เป็นยุคแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และฟุ่มเฟือยที่สุด
อันดับ 2: Paris, France
Paris
พลาดไม่ได้สำหรับอันดับ 2 คือกรุง Paris ในประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง ได้ชื่อว่าเป็นแดนน้ำหอม และเป็นเมืองแห่งความรัก แสงสี และวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมแหล่งแฟชั่นและอาหารระดับโลก ปารีสมีร้านอาหารสุดโรแมนติคให้ไปลิ้มลอง และยังเป็นสถานที่ตั้งของสถาปัตยกรรมชื่อดังคือหอไอเฟล (Eiffel Tower) นั่นเอง

อันดับ 1: Vienna, Austria
KONICA MINOLTA DIGITAL CAMERA
มาถึงเมืองที่สวยงามที่สุดในโลกกันแล้วค่ะ นั่นคือกรุง Vienna ประจำประเทศออสเตรีย เวียนนามีชื่อเสียงโด่งดังในหลายด้านค่ะ ในด้านดนตรีได้รับชื่อว่าเป็น “City of Music” เพราะมีชื่อเสียงด้านเพลงคลาสสิค ยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ “City of Dreams” เพราะเวียนนาเป็นบ้านเกิดของบิดาแห่งจิตวิเคราะห์ ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) นอกจากนี้ยังโดดเด่นในด้านของสถาปัตยกรรม เห็นได้จากตึกรามบ้านช่องที่ดูดีมีศิลปะ จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556


10 พระราชวังที่สวยที่สุดในโลก


เริ่มกันด้วยอันดับที่10
The Potala Palace พระราชวังที่ยิ่งใหญ่ในธิเบต




อันดับที่ 9Mont Saint-Michel ที่ฝรั่งเศส
ปราสาทบนเกาะเล็ก ๆ ในอ่าว Normandy ใกล้กับบริททาเนีย ปราสาทแห่งนี้เป็นฉากในภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่อง การ์ตูน หรือแม้แต่ในเกมส์




อันดับที่ 8Neuschwanstein Castle ปราสาทในเยอรมันแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นต้นแบบของปราสาทเจ้าหญิงนิทราในดิสนีย์แลนด์



อันดับ 7
Matsumoto Castle นับเป็นปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น



อันดับ6
Hunyad Castle ปราสาทแดร็กคูล่า ในโรมาเนีย


อับดับที่5

Malbork Castle ปราสาทสไตล์โกธิคซึ่งสร้างด้วยอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ประเทศโปแลนด์ ปราสาทแห่งนี้รวมถึงพิพิธภันณ์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก

อันดับที่4Palacio da Pena พระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดในโปรตุเกส ตั้งอยู่บนภูเขาเหนือเมือง Sintra ในวันที่อากาศสดใสจะสามารถมองเห็นปราสาทแห่งนี้ได้จากเมืองลิสบอน พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ภายหลังได้มีการบูรณะใหม่ และอุทิศให้เป็นโบสถ์ ใช้เป็นศาสนสถาน


อันดับที่3Lowenburg Castle ปราสาทสิงโตในเยอรมัน ปราสาทแห่งนี้ดูเหมือนปราสาทในยุคกลาง แต่จริง ๆ แล้วปราสาทแห่งนี้เป็นเพียงปราสาทที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบปราสาทในยุคกลาง โดย Landgrave Wilhelm IX สร้างขึ้นประมาณปลายศตวรรษที่ 18


อันดับที่ 2
Prague Castle ปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากการบันทึกสถิติของกินเนสบุ๊ค ปราสาทปรากแห่งนี้มีความยาวประมาณ 570 เมตร กว้างโดยเฉลี่ย 130 เมตร เพชรมงกุฏเชค (Czech Crown Jewels) ได้รับการเก็บรักษาไว้ที่นี่ ปราสาทแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่กษัตริย์แห่งเชค จักรพรรดิแห่งโรมัน และประธานาธิบดีเชคโก สโลวาเกีย และเชค รีพับบลิคใช้เป็นที่ทำงาน


อันดับที่ 1

ถึง อันดับหนึ่งแล้วนะครับ นั่นคือ พระราชวังแวร์ซาย แห่ง ฝรั่งเศส (Versailles Palace of France) สร้างอยู่ในเมือง แวร์ซาย ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองปารีส ประมาณ 15 กิโลเมตร
ถูกสร้างโดย รัชสมัย กษัตริย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 (King Louis XIV) ตรัสไว้แล้วว่า ต้องใช้เงิน 500,000,000 ฟรังค์ แล้วแรงงานกว่า 30,000 คน ที่พระเจ้าหลุยส์ ตัดสินพระทัยสร้างพระราชวังแวร์ซาย
เพราะว่า แถวๆ เมืองแวร์ซาย นั้นเป็นสถานที่เหมาะแก่การไล่ล่าสัตว์อย่างมาก แล้วยังเป็นพระราชวังที่ งดงามที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่ดี เมื่อมองจากที่สูงจะ สวยมากๆ

10อันดับถนนที่สวย

10 อันดับ ถนนที่สวยจนน่าตกใจ ว่ากันว่า ต้องไปให้ได้ "ก่อนตาย"!







































หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบ ขับรถ กินลม ชมวิว ไม่ว่าจะเป็น ถนนเลียบชายฝั่ง ถนนที่ตัดผ่านหุบเขา สำนักข่าวต่างประเทศได้รวบรวม 10 อันดับ ถนนเส้นที่เหมาะกับการขับรถชมวิวมากที่สุดในโลก และว่ากันว่า เป็น 10 อันดับถนน ที่ต้องไปเยือนให้ได้ ก่อนตาย

อันดับ 1

"ถนนทางหลวงหมายเลข 1 บิ๊กเซอร์, แคลิฟอร์เนีย"
ภาพจาก focus.tracinglight.com

ด้วยระยะทางกว่า 140 กิโลเมตร จากซาน คาร์โปโฟโร ไปจนถึงแม่น้ำคาร์เมล ถนนสายนี้ จีงถูกโอบล้อมวิวทิวทัศน์ที่หลากหลาย จากหน้าผาเลียบชายฝั่ง ไปจนถึงป่าทึบ และเป็นถนนที่ตัดเลียบชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือได้ว่าเป็นชายฝั่งที่มีความงดงามที่สุดในสหรัฐฯ

อันดับ 2

"เฟอร์กา พาส, สวิตเซอร์แลนด์"
ถนนเส้นนี้ได้ตัดผ่านเทือกเขาในสวิตเซอร์แลนด์ และถูกใช้เป็นฉากหนึ่งที่ใช้ถ่ายทำภาพยนต์ "เจมส์ บอนด์" ตอน "โกลด์ฟิงเกอร์"
อันดับ 3


"ถนนแอตแลนติก, นอร์เวย์"

ถนนแอตแลนติก ได้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมือง ปี ค.ศ.1989 และถือเป็นหนึ่งในถนนสายท่องเที่ยวเส้นสำคัญของนอร์เวย์ ด้วยระยะทางกว่า 8.3 กิโลเมตร ซึ่งวิ่งระหว่าง 2 เมืองใหญ่ที่มีประชากรมากอย่าง เมืองคริสเตียนซุนด์และเมืองโมลเด จุดขายของถนนเส้นนี้คือ แทนที่จะเป็นถนนที่ตัดผ่านภูเขา หรือชายฝั่ง แต่เป็นถนนที่ตัดผ่านมหาสมุทร โดยอาศัยเกาะโขดหินเป็นจุดเชื่อม เรียกได้ว่า ความสามารถของมนุษย์นี่สุดยอดจริงๆ
อันดับ 4
"ถนนไวท์ริม อุทยานแห่งชาติแคนยอนแลนด์, ยูทาห์ สหรัฐฯ"
ภาพจาก timnowackphotography.com
ด้วยระยะทางกว่า 100 ไมล์ ของไวท์ริมโร้ด ที่วกวน และล้อไปกับความลาดชัดระดับต่างๆ ของหุบผาชัน ภูมิทัศน์หลักในอุทยานแห่งชาติแครยอนแลนด์ หากใช้รถโฟร์วีลจะต้องใช้เวลาไว้ 2-3 วัน และหากต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดโดยจักรยานเสือภูเขาก็จะต้องเผื่อเวลาเป็น 3-4 วัน ถนนเส้นนี้ยังได้ชื่อว่า เป็น "ถนนปราบเซียน" อีกเส้นหนึ่ง เพราะอาจเจอกับปัญหาทัศนวิสัยในจากฝุ่นที่คลุ้ง และสภาพภูมิอากาศที่คาดเดาได้ยาก
อันดับ 5
"ถนนเทียนอันเหมิน หูหนาน, จีน"
ภาพจาก imagescollectionvince.blogspot.com
ด้วยระยะทาง 11 กิโลเมตรของถนนเทียนอันเหมิน ซึ่งไต่จากจุดล่างสุดไปถึงความสูงๆ สุดของของภูเขาเทียนอันเหมินด้วยความสูง 131.5 เมตร ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเทียนอันเหมิน ในนมณฑลหูหนานของจีน ตัดผ่านขอบเขา ระหว่างทางสามารถสัมผัสบรรยากาศเขียวชอุ่มของต้นไม้ที่ยังมีความสมบูรณ์อยู่ ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
ทั้งนี้ นอกจากจะสัมผัสประสบการณ์จากรถยนต์แล้ว ทางอุทยานได้จัดกระเช้าเคเบิล ลำเลียงนักท่องเที่ยวไปยังยอดเขา ซึ่งก็ถิอเป็นประสบการณ์สุดพิเศษ เพราะมีบางจุดที่กระเช้านั้นต้องผ่านความชันถึง 37 องศา แต่ก็คงไม่เหมาะนักสำหรับผู้ที่กลัวความสูงสักเท่าใดนัก
อันดับ 6
"สะพานเซเว่นไมล์, ฟลอริดา"
สะพานเซเว่นไมล์ ถือเป็นสะพานที่มีชื่อเสียงอย่างมากในฟลอริดา ด้วยการที่ตัดผ่านมหาสมุทร จนสะพานเส้นนี้ได้รับการขนามนามว่า เป็น "ทางหลวงโพ้นทะเล"
อันดับที่ 7
"ถนนแชปแมนพีค เคปทาว์น แอฟริกาใต้"

ภาพจาก parkwayincapetown
ถนนแชปแมนพีค เป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างอ่าวนอร์ดฮุคก์และอ่าวฮาท์วซึ่งอยู่บริเวณชายฝั่งของคาบสมุทรแอตแลนติก ด้วยระยะทางกว่า 9 กิโลเมตรและทางโค้งอีกกว่า 144 โค้ง เลียบชายฝั่งหินของแชปแมนพีค ผู้ที่ใช้ถนนสายนี้จะถูกขนาดนามว่า "แชปปี้" และสามารถมองเห็นวิวได้แบบเต็มตา ถึง 180 องศา
อันดับ 8
"สเตวิลโอ พาส, อีสเทิร์นแอลป์ อิตาลี"
นิตยสารท็อปเกียร์ ได้เลือก "สเตวิลโอ พาส" เป็นถนนที่น่าขับขี่ที่สุดของโลก และเป็นที่ๆ สิงห์นักขับต้องไปเยือนให้ได้
อันดับ 9
"โคล เดอร์ทูรินิ, ฝรั่งเศส"
โคล เดอร์ทูรินิ ถือได้ว่าเป็นถนนที่ตัดผ่านเทือกเขาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาเมอร์ริตไทม์ในฝรั่งเศส และเป็นถนนที่โด่งดังจากเป็นหนึ่งในสนามแข่งรถเรลลี่มอนติคาร์โล เพราะได้ชื่อว่าเป็นถนนที่แคบ และมีโห้งหักศอกที่อันตรายสุดๆ อีกทั้ง โคล เดอร์ทูรินิ ยังถูกใช้เป็นสนามแข่งขันจักรยาน ในรายการ "ตรู เดอ ฟรอง" ถึง 3 ครั้ง


อันดับ 10

"อุโมงค์โกว์เหลียง, จีน"
อุโมงค์โกว์เหลียง เป็นถนนอุโมงค์ที่เลาะผ่านภูเขาภูเขาไท้ฮาง เมืองหูหนาน ประเทศจีน ประวัติศาสตร์ของอุโมงค์นี้น่าสนใจ เพราะถนนอุโมงค์นี้ เป็นถนนที่เกิดน้ำพักน้ำแรงของชาวบ้านในหมู่บ้านแถบนั้น ต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะสร้างถนนอุโมงค์เส้นนี้เพื่อเชื่อมต่อกับโลกภายนอก จึงได้เริ่มโดยการแกะสลักถนน ลัดเลาะผ่านภูเขา โดยลงทุนและลงแรงทั้งหมดโดยชาวบ้านในแถบนั้น

วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

15 อันดับทะเลที่สวยที่สุดในโลก บรรยากาศดี ๆ

15 อันดับทะเลที่สวยที่สุดในโลก บรรยากาศดี ๆ

 
ทะเลสวยที่สุดในโลก



            เข้าใกล้ช่วงหน้าร้อนขึ้นมาทุกทีแบบนี้ จะมีที่ไหนเหมาะกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาว มากไปกว่าทะเลสวย ๆ ได้อีกล่ะ ในเมื่อการเล่นน้ำทะเลให้ชื่นใจคงช่วยให้เราคลายร้อนได้ไม่น้อย แถมวิวธรรมชาติรอบข้าง ทั้งต้นปาล์มและผืนทรายเนียนละเอียดที่ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายน่ารื่นรมย์ขึ้นไปอีก แล้วไหนจะอาหารทะเลรสอร่อยที่กินได้ไม่มีเบื่ออีก เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินชัด ๆ เลยล่ะ ซึ่งวันนี้กระปุกท่องเที่ยวก็ได้รวบรวมทะเลสวย ๆ 15 แห่งจากทั่วโลกมาฝากกันแล้ว เพื่อเป็นไอเดียสำหรับวันพักผ่อนของคุณ ว่าแต่จะมีที่ไหนบ้าง ลองไปดูกันเลยจ้า

1. หาดไวท์เฮเวน, ประเทศออสเตรเลีย

ณ เกาะวิธซันเดย์ ประเทศออสเตรเลีย มีชายหาดที่ขึ้นชื่อว่ามีทรายขาวสะอาดที่สุดในโลกอยู่ที่นั่นด้วย แถมยังเป็นหนึ่งในทะเลที่มีธรรมชาติสมบูรณ์มากที่สุดอีกต่างหาก จากการที่เดินทางได้โดยเรือเท่านั้น ปราศจากที่พักบนเกาะ และยังห้ามนำสุนัข รวมทั้งบุหรี่เข้าไปอีกด้วย มันจึงเป็นเหมือนเกาะที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ดี แม้คุณจะชื่นชมความขาวสะอาดของทรายที่นี่มากแค่ไหน ก็แอบตักกลับไปไม่ได้หรอกนะ เพราะอาจเจอค่าปรับสูงสุดตั้ง 5 พันเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.4 แสนบาทเลยทีเดียว


หาดไวท์เฮเวน, ประเทศออสเตรเลีย

2. หาดพูนาลู, สหรัฐอเมริกา

หาดทรายสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกพากันมารวมตัวชมทิวทัศน์ด้วยกันที่ชายหาดพูนาลูแห่งนี้ โดยสาเหตุที่ทรายบริเวณนี้เป็นสีดำสนิทเกิดมาจากการที่หินลาวา ซึ่งยังคงร้อนระอุมาเจอกับน้ำทะเล แล้วหลอมละลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนเป็นผืนทรายกว้างขวางในที่สุด และนอกจากทรายสีดำแล้ว เต่าทะเลที่อาศัยอยู่เต็มหาดไปหมด ยังเป็นสิ่งน่าสนใจอีกอย่างที่ทำให้ทะเลแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่โปรดของเหล่านักท่องเที่ยวอีกด้วย


หาดพูนาลู, สหรัฐอเมริกา

3. หาดนังวี, ประเทศแทนซาเนีย
เมื่อคุณเดินอยู่บนชายหาดในนังวี หมู่บ้านชาวประมงของเกาะแซนซิบาร์นี้ คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเงียบสงบของธรรมชาติ และผืนทรายนุ่มเนียนละเอียด พร้อมน้ำทะเลสีฟ้าใสในทันที เพราะมันเป็นหนึ่งในชายหาดที่มีโรงแรมและสิ่งก่อสร้างน้อยที่สุดก็ว่าได้ จากการที่คนในหมู่บ้านรณรงค์ให้มนุษย์รุกรานสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด เพื่อรักษาความเงียบสงบของที่นี่เอาไว้ แม้ปัจจุบันจะมีการสร้างอควาเรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเพิ่มเติมบ้างแล้วก็ตาม


หาดนังวี, ประเทศแทนซาเนีย

4. อ่าวทรังก์, สหรัฐอเมริกา
อ่าวทรังก์ในหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยเกาะหลัก 3 เกาะ คือ เกาะเซนต์ครอย, เกาะเซนต์จอห์น และเกาะเซนต์ทอมัส ซึ่งความงามของอ่าวนี้ทำให้นักท่องเที่ยวแห่แหนกันมาเป็นจำนวนมากทุกปี จากการที่มีธรรมชาติใต้น้ำอันสวยงาม ที่ใครได้ลองมาใช้บริการดำน้ำที่นี่ดูสักครั้งเป็นต้องติดใจไปตาม ๆ กัน ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่าที่นี่มีอะไรพิเศษทำให้คนชื่นชมกันขนาดนี้กันแน่ ปีหน้าก็อย่าพลาดไปเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสความงามของทะเลแห่งนี้ด้วยตัวเองนะคะ

อ่าวทรังก์, สหรัฐอเมริกา

5. ชายหาดซานตาโมนิกา, สหรัฐอเมริกา

นอกจากน้ำทะเลสีฟ้าครามแสนสวยแล้ว ชายหาดซานตาโมนิกาในรัฐแคลิฟอร์เนียแห่งนี้ ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่น่าประทับใจเสียจนหลาย ๆ คนอดใจกดชัตเตอร์เก็บภาพความสวยงามเอาไว้ไม่ได้ และอีกอย่างที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ก็คือชิงช้าสวรรค์ที่ตั้งอยู่บริเวณชายหาดนั่นเอง เรียกได้ว่าใครมาแล้วไม่ได้ถ่ายรูปกับชิงช้าสวรรค์นี้ ถือว่ามาไม่ถึงเชียวล่ะ

ชายหาดซานตาโมนิกา, สหรัฐอเมริกา

6. อ่าวมาหยา, ประเทศไทย

พูดถึงชายหาดต่างประเทศมาแล้ว ก็กลับมาดูหาดสวย ๆ ในบ้านเรากันบ้างดีกว่า ซึ่งหาดที่เราพูดถึงนั้น ก็คือ อ่าวมาหยา จังหวัดกระบี่นั่นเอง โดยอ่าวขนาดเล็กรูปพระจันทร์เสี้ยวนี้ ถูกโอบล้อมด้วยหินปูนสีเทา ตัดกับน้ำทะเลสีเขียวใสที่มองลงไปเห็นผืนทราย เกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงามจับตา ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพากันมาเที่ยวไม่ขาดสายอยู่ทุก ๆ ปี เห็นไหมล่ะว่าการจะไปท่องเที่ยวในที่สวย ๆ งาม ๆ ไม่จำเป็นต้องไปไกลให้เสียทั้งเงินและเวลาเลย เพราะบ้านเราก็มีทะเลสวย ๆ ไม่แพ้ที่ไหนด้วยเหมือนกันนะ

อ่าวมาหยา, ประเทศไทย

7. หาดนาวาจิโอ, ประเทศกรีซ

หากใครต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบโจรสลัดเหมือนในหนังย้อนยุค ก็ต้องลองมาที่นี่ดูสักครั้ง เพราะอีกชื่อของหาดนาวาจิโอนี้ ก็คือ Shipwreck Beach จากการที่มันมีซากเรือแตกขนาดใหญ่ทอดตัวอยู่บนหาดทรายสีขาว ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้นักท่องเที่ยวแทบทุกคนที่มา ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย เพื่อให้ตัวเองได้เก๊กท่าเป็นโจรสลัดเท่ ๆ แบบในหนังดูสักครั้ง อีกทั้งมันยังเคยมีประวัติเป็นสถานที่ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี รวมถึงค้ามนุษย์มาก่อนในยุค 80 อีกด้วย

หาดนาวาจิโอ, ประเทศกรีซ

8. หาดคัดมัธ, ประเทศอินเดีย

ถ้าใครคิดจะไปที่นี่ก็คงต้องจองคิวกันยาวสักหน่อยนะ เพราะที่เกาะคัดมัธในลักษทวีป ของประเทศอินเดียนี้ มีโรงแรมอยู่แค่โรงแรมเดียวเท่านั้น แถมยังพักได้จำนวนจำกัดแค่ 50 คนอีกต่างหาก การจะจองโรงแรมไว้พักระหว่างเที่ยวชมจึงไม่ใช่เรื่อง่าย ๆ แน่ แต่ถ้าเทียบกับความสวยงามของท้องทะเลที่นี่แล้วล่ะก็ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะนอกจากน้ำทะเลสีฟ้างดงามแล้ว จุดเด่นของที่นี่ก็อยู่ตรงที่แนวปะการัง ที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์เป็นอันดับต้น ๆ ของโลกนั่นเอง

หาดคัดมัธ, ประเทศอินเดีย


 


9. หาดพลาญ่า เมดีน่า, ประเทศเวเนซุเอลา
ท้องทะเลสีเขียวมรกต รับกับต้นปาล์มเขียวชอุ่มที่ขึ้นอยู่มากมายริมหาด ทำให้หาดพลาญ่า เมดีน่า ของเมืองประมง ริโอ คาริเบ ไม่ต่างไปจากสวรรค์บนดินเลยทีเดียว คนที่ได้มาจึงสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติอันงดงามของที่นี่ได้อย่างเต็มที่ จนแทบจะไม่อยากกลับไปสัมผัสแสงสีวุ่นวายในเมืองให้เวียนหัวอีกเลย ไม่เชื่อก็ต้องลองมาสัมผัสด้วยตาตัวเองดูสักครั้งนะคะ

หาดพลาญ่า เมดีน่า, ประเทศเวเนซุเอลา

ภาพจาก Blog Centro Venezolano

10. อันเช่ ซอส ดิ เอเจนท์, สาธารณรัฐเซย์เชลล์
ด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามลงตัวของชายหาดแห่งนี้ รับรองว่าจะทำให้คนที่มาทึ่งจนประทับใจไปตาม ๆ กันแน่นอน เพราะที่นี่มีครบทุกอย่างที่คุณมองหาตามท้องทะเลอันสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเลใสแจ๋ว ทรายเนียนละเอียดราวกับผงแป้งสีขาว ต้นปาล์ม และโขดหินใหญ่ ที่จัดวางเรียงกันอย่างลงตัว จนแทบจะนึกว่าถูกจัดแต่งขึ้นมาด้วยฝีมือมนุษย์ เสียมากกว่าเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติด้วยซ้ำ

อันเช่ ซอส ดิ เอเจนท์, สาธารณรัฐเซย์เชลล์

11. หมู่เกาะโบรา โบร่า, ประเทศเฟรนช์โปลินีเซีย

แน่นอนว่าหมู่เกาะโบรา โบร่า ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม ก็ต้องมีรายชื่อติดด้วยอยู่แล้ว นอกจากนี้ บังกะโลแบบส่วนตัวพร้อมบริการดำน้ำชมความงามของทะเลอย่างใกล้ชิด ยังทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ฮันนีมูนในฝันของบรรดาคู่รักทั้งหลายอีกด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะพาแฟนไปสวีทหวานที่ไหนดี การควงแขนกันไปพักผ่อนชมหมู่เกาะโบรา โบร่า สักหน่อยก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะ

หมู่เกาะโบรา โบร่า, ประเทศเฟรนช์โปลินีเซีย
12. หาดเฟทิเย, ประเทศตุรกี

นับว่าที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากที่สุดในประเทศตุรกี โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ที่นักท่องเที่ยวมากมายจะพากันมาเล่นน้ำทะเล แถมนอกจากการชื่นชมน้ำทะเลสีฟ้าสดแล้ว เมืองเฟทิเยยังเป็นที่หลับใหลของสุสานพระเจ้าอามินตัสอันงดงามซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 350 ปีก่อนคริสตศักราชอีกด้วย ดังนั้นหลังจากเล่นน้ำให้ชื่นใจ ก็อย่าลืมแวะไปชมความวิจิตรประณีตของศิลปะอันเก่าแก่นี้ด้วยนะคะ

หาดเฟทิเย, ประเทศตุรกี

13. กลาสบีช, สหรัฐอเมริกา
กลาสบีชที่นี่ เป็นกระจกสมชื่อเสียจริง ๆ จากการที่มีผืนทรายเป็นหินเม็ดเล็ก ๆ ที่หน้าตาคล้ายเศษกระจกสี จนมองแล้วอดหวาดเสียวเท้าไม่ได้ว่าหากเผลอไปเหยียบเข้า อาจบาดเท้าจนเป็นแผลหมดสนุกไปเลยก็ได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วมันเนียนละเอียดจนไม่ทำอันตรายเลยสักนิดเสียด้วยซ้ำ คนที่มาเล่นน้ำที่นี่จึงสามารถชื่นชมมันได้โดยไม่ต้องกลัวเจ็บตัว แถมยังมีน้ำทะเลใสแจ๋วให้เล่นกันอีกต่างหาก

กลาสบีช, สหรัฐอเมริกา


 
14. หาดพาลาวัน, ประเทศฟิลิปปินส์

แม้ว่าเมื่อพูดถึงทะเลดัง ๆ ในเอเชีย หาดพาลาวันของประเทศฟิลิปปินส์อาจจะไม่ใช่สถานที่ซึ่งคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ แต่ที่จริงแล้วมันน่าสนใจไม่แพ้ที่ไหน ๆ เลย โดยฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีหมู่เกาะนับพัน โดยเฉพาะชายหาดในจังหวัดพาลาวัน ที่มีเทือกเขาสูงรอบ ๆ หาด อีกทั้งยังสมบูรณ์จนพบเห็นปลาและปะการังได้ โดยไม่ต้องพายเรือไปถึงจุดดำน้ำเลยทีเดียว

หาดพาลาวัน, ประเทศฟิลิปปินส์
15. หาดเดอร์เนส, ประเทศสกอตแลนด์
ถึงแม้ว่าชายหาดของที่นี่จะไม่ได้มีต้นปาล์มสูงใหญ่เหมือนกับที่อื่น แต่ก็มีสิ่งแปลกตามีเอกลักษณ์ที่ทำให้ชายหาดแห่งนี้มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครด้วยเช่นกัน โดยมันเป็นชายหาดที่มีหญ้าขึ้นเขียวชอุ่มเต็มผืนทราย มองแล้วเป็นวิวที่โดดเด่นสะดุดตา แถมยังดูอุดมสมบูรณ์มาก ๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าสวยไม่แพ้ที่ไหน ๆ เลยจริง ๆ แถมการชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นริมหาดยังขึ้นชื่อมากเสียด้วย อย่างไรก็ดี สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของชายหาดแห่งนี้คงหนีไม่พ้น ถ้ำสมู..ถ้ำทะเลที่รวมน้ำจืดและน้ำเค็มไว้ด้วยกัน โดยแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ซึ่งก็คือด้านทางเข้าที่เป็นน้ำทะเล, ส่วนที่สองซึ่งมีน้ำตกอยู่ภายใน และส่วนที่สามซึ่งมีลำธารน้ำจืดสายเล็ก ๆ ไหลเวียนอยู่

หาดเดอร์เนส, ประเทศสกอตแลนด์

และในเมื่อแต่ละที่สวยจนกินกันไม่ลงแบบนี้ วันหยุดพักผ่อนที่ใกล้จะถึงก็อย่าลืมเลือกทะเลสวย ๆ สักที่ไปใช้พักผ่อนกันนะคะ รับรองว่าจะช่วยให้คุณได้มีทริปน่าประทับใจไม่รู้ลืมไปกับคนสำคัญแน่นอน และจะได้เก็บภาพสวย ๆ ไว้เป็นความทรงจำร่วมกันด้วยยังไงล่ะ